เมื่อไกด์บอกว่าเรากำลังจะมาถึงวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองเชียงใหม่โบราณคือวัดพระสิงห์ฉันไม่รู้ว่าฉันตื่นเต้นอะไรความสุขหลักคือฉันได้ไปเยี่ยมชมในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เฟสติวัลในปี 2010 และแบ่งปันให้คุณในบทความ "Chiang Mai, Thailand│ Wat Phra Singh (วัดพระสิงห์)."เนื่องจากเป็นทัวร์ครึ่งวันของเราเองในเมืองโบราณในเวลานั้นเราจึงไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ดีนักและเรามีไกด์นำเที่ยวมืออาชีพที่จะอธิบายความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ดังนั้นเราจึงต้องกลับบ้านและตรวจสอบข้อมูลทางออนไลน์ . (แต่ในเวลานั้นหน้าเว็บส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดและต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการแปลและตรวจสอบ ... ＠＠)
คราวนี้ขอแนะนำอีกครั้งพร้อมกับไกด์นำเที่ยวรวมถึงทัวร์ภาษาจีนที่แปลโดย Geyou Relish Life เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาที่มีชื่อเสียงที่สุดคือมีเจดีย์สีทององค์ใหญ่สูงประมาณ 20 เมตรอยู่ตรงกลางวิหารปาซิง (ภาพด้านบน) มีรายงานว่าสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าศากยมุนีและ ด้านบนของเจดีย์มีพระแก้วมรกตจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชนอกจากนี้วัดปะซิงยังเป็นหนึ่งในสถานที่หลักที่ผู้คนเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ทุกปี!
วัดนี้ตั้งอยู่บริเวณทางแยกของถนนราชดำเนินและถนนสามหล่ำในเมืองเชียงใหม่ในสมัยโบราณสร้างขึ้นโดยพ่อขุนเม็งรายเมื่อปี พ.ศ. 1345 โดยส่วนใหญ่ใช้เป็นที่ประดิษฐานเถ้าถ่านของบิดาหลังจากขยายออกไปหลายครั้งก็ก่อตัวขึ้น มาตราส่วนปัจจุบันเรียกได้ว่าเชียงใหม่เป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งครั้งนี้เราจะเยี่ยมชมสามส่วนหลัก ๆ คือ "ลายคำ" "โคมไฟอธิษฐาน" และ "ห้องโถงใหญ่" และเราจะแนะนำคุณตามลำดับ
Part1. ลายกาหอพระแสดงความแท้ของคนสมัยก่อน.
ในสมัยราชวงศ์สุโขทัยมีอาณาจักรล้านนาที่มีอำนาจในภาคเหนือของประเทศไทยวัดพระสิงห์เป็นวัดที่เป็นตัวแทนมากที่สุดของราชวงศ์ล้านนาอันดับแรกเรามาที่วิหารลายคำด้านหลังห้องโถงใหญ่มีรูปปั้นแกะสลักด้วยมือและแกะสลัก ดอกไม้ที่นี่เน้นความงามของงานฝีมือที่ประณีตในเวลานั้นหลังจากการสร้างพระพุทธรูปนี้ได้เริ่มนำเข้ามาในเชียงใหม่จากศรีลังกาในปี 1389 แต่ถูกนำไปยัง Qingcai เพื่อคัดลอกอีกรูปแบบหนึ่งในที่สุดก็มาตั้งรกรากที่ Laika Verde Hall .อย่างไรก็ตามในปีพ. ศ. 1922 เศียรของพระพุทธรูปได้ถูกขโมยไปตามตำนานเพื่อปกป้องพระพุทธรูปผู้คนจึงตั้งสถานที่ลับภายใต้วัดนี้เพื่อตั้งดั้งเดิม
นอกจากนี้ทางด้านซ้ายและขวาของวิหารพระลายกายังเต็มไปด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังภาพวาดโดยเจ็กเซิงชาวจีนโพ้นทะเลในขณะนั้นเป็นของแท้และของโบราณดังนั้นโปรดอย่าแตะต้องเมื่อคุณเยี่ยมชมตัดสินจากภาพจิตรกรรมฝาผนังขนบธรรมเนียมและประเพณีของราชวงศ์ล้านนาในเวลานั้นรวมถึงเสื้อผ้าผู้ชายและผู้หญิงตลาดชีวิตของผู้คนเล็ก ๆ น้อย ๆ และศาลมีความละเอียดอ่อนและละเอียดอ่อนมากฉันคิดว่ามันคล้ายกันเล็กน้อย ไปเที่ยวชมแม่น้ำ Qingming ในราชวงศ์ซ่งและภาพวาดแสดงให้เห็นถึงสไตล์มนุษยนิยมร่วมสมัย
▲นี่เป็นศาลาปฏิบัติธรรมแห่งเดียวในประเทศไทยที่มีพระภิกษุและแม่ชีร่วมกันทำพิธีอุปสมบทแม่ชีหันหน้าไปทางทิศใต้และพระสงฆ์หันหน้าไปทางทิศเหนือ
[หอพระริมทะเลสาบ]
[ภาพจิตรกรรมฝาผนัง] โบราณแท้.
[พระพุทธรูปปั้นผิง] ภาพวาดมังกรบนผนังด้านหลังพระพุทธรูปโบราณเจ็กเซิงซึ่งได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมจีน (ขวาบนของภาพ)
Part2. โคมไฟอธิษฐานขอพรปัดเป่าภัยพิบัติของตัวเองและขอให้ปีใหม่ที่จะมาถึงนี้ประสบความสำเร็จ
เนื่องจากเรายังอยู่ในเทศกาลลอยกระทงที่เชียงใหม่ทางวัดปาซิงก็มีวิธีการสวดมนต์ของเขาเช่นกันเราเดินไปที่เต็นท์ข้างหอพระลายกะและไกด์ก็พาไปชมมีเรือกระดาษลำใหญ่ มีเรือที่มีฐานใบวางซ้อนกันด้านในมีดอกไม้ธงธูปบุหรี่ผลไม้ ฯลฯ และธงสีขาวแต่ละผืนจะเต็มไปด้วยข้อความไกด์นำเที่ยวบอกว่านี่คือวิธีการขอประทีปน้ำ แต่มันแตกต่างจากเมื่อคืนที่ Dafu ปล่อยโคมน้ำกะลามะพร้าวล่องแม่น้ำ Meibin
วิธีการสวดมนต์ในพระวิหารที่นี่คือการเขียนชื่อบนเรือและอธิษฐานถึงพระพุทธเจ้าฉันมองไปด้านข้างและเห็นโต๊ะเล็ก ๆ นอกจากจะประดิษฐานพระพุทธรูปแล้วยังมีคุณยายช่วยด้วยมีโคมไฟเล็ก ๆ มากมายอยู่ข้างๆ แต่ก่อนจะเขียนชื่อบนเรือคุณต้องอยู่ที่เคาน์เตอร์ก่อน ใส่เงินในถังน้ำมันงาแล้วนำเรือไปเขียนเงินน้ำมันงาขึ้นอยู่กับความปรารถนาส่วนตัวประมาณ 20-50 บาทก็รับได้เสี่ยวเฉินสอนวิธีอธิษฐานขอพรในที่เกิดเหตุนอกจากนี้ฉันยังได้รวบรวมเอกสารคำอธิบายของฉากดังต่อไปนี้ฉันหวังว่าจะให้ข้อมูลอ้างอิงของคุณแก่คุณหากคุณจะไปเชียงใหม่ในปีหน้าในวันลอยกระทง เทศกาลกระทงคุณจะรู้ว่าต้องทำอะไร!
ขั้นที่ 1. เขียนชื่อและนามสกุลที่มุม
เขียนชื่อนามสกุลของคุณบนธงเล็ก ๆ
ขั้นตอนที่ 2. ตัดเล็บผม (เพียงเล็กน้อย) ใส่กระทงใบ
ตัดเล็บและผมออกเล็กน้อยแล้วใส่ไว้ในตะเกียงน้ำขนาดเล็ก
ขั้นตอนที่ 3 เผชิญหน้ากับภาพลักษณ์ของภูผาและขอร้องเขาเพื่อช่วยให้คุณส่งปัญหาออกไปเช่นความเจ็บป่วยความยากลำบากจิตใจที่ควบคุมไม่ได้ของคุณ
อธิษฐานถึงพระพุทธเจ้าเพื่อช่วยขจัดความเจ็บป่วยความกังวลและความคิดที่วุ่นวายของคุณ
จากนั้นใส่กระทงใบของคุณบนเรือ (เรือ)
หลังจากสวดมนต์แล้วให้วางโคมลอยลงในเรือ
Step4. ตั้งปณิธานให้คิดพูดทำดีแล้วจะมีความสุขตลอดไป
ตอนนี้ปัญหาของคุณถูกส่งไปแล้ว
ขอพรจากพระไม่ได้ต้องคิดบวกพูดดีทำดีเสมอแล้วจะมีความสุขไปนาน ๆโอเค ~ ความกังวลของคุณก็จะหมดไปเช่นกัน
[สัญลักษณ์ปีเถาะ]
[Staff] พวกเขากำลังสร้างโคมไฟขนาดเล็กอันใหม่
Part3. วัดพระสิงห์เป็นวัดระดับปริญญาเอกในจังหวัดเชียงใหม่และเป็นที่เคารพนับถือมากที่สุด
ในประเทศไทยวัดประกอบด้วยอาคารหลักหลายแห่ง ได้แก่ ห้องโถงใหญ่วิหารเจดีย์หอระฆังศาลาพระไตรปิฎกและศาลาอย่างไรก็ตามวัดจะแบ่งออกเป็นระดับต่างๆตั้งแต่วัดใหญ่จนถึงระดับบนคือวัด "ระดับปริญญาตรี" ตามด้วย "ระดับปรมาจารย์" และ "ระดับปริญญาเอก"ปรากฎว่าวัดพระสิงห์ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ในสมัยโบราณเป็นวัดระดับปริญญาเอกมี XNUMX วัดในประเทศไทยและมีเพียงแห่งเดียวในเชียงใหม่เท่านั้นดังนั้นจึงสามารถเห็นได้ว่าเขา เป็นที่เคารพนับถือในเชียงใหม่และยังมีพระจากที่อื่น ๆ มาที่นี่บ่อยครั้งเพื่อเรียนรู้และติดต่อสื่อสาร
ห้องโถงใหญ่ในวัดสร้างขึ้นในปีค. ศ. 1518 และได้รับการขยายจากปีพ. ศ. 1924 ถึงปีพ. ศ. 1925 ในปีพ. ศ. 1982 ได้รับการปรับให้เข้ากับรูปลักษณ์ปัจจุบันเล็กน้อยหลังจากที่เราเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่อย่างช้าๆโคมไฟกระดาษสีเหลืองอร่ามก็ถูกประดับประดาสำหรับเทศกาลลอยกระทงใบหน้าของพระพุทธรูปในห้องโถงใหญ่มีกลิ่นอายแบบไทยภาคเหนือที่แข็งแกร่งทั้งวัดแสดงให้เห็นถึงรูปแบบของราชวงศ์ล้านนาตามตำนานของไทยรอยเท้าของพระศากยมุนีได้เหยียบที่นี่และทิ้งพระบรมสารีริกธาตุไว้ให้คนรุ่นหลัง (นั่น คือมหาเจดีย์สีขาว)ดังนั้นทุกปีในช่วงเทศกาลสรงน้ำพระที่นี่จึงเป็นฐานสำคัญในการจัดงานเฉลิมฉลองด้วย!เนื่องจากพระในวัดจะทำความสะอาดร่างกายให้กับพระพุทธรูปและจะมีการเชิญชวนให้ออกไปนอกวัดด้วยและพุทธศาสนิกชนจากที่ต่างๆจะหลั่งไหลเข้ามาที่วัดปาซิงเพื่อฟังคำสั่งสอนและพรของเจ้าอาวาสด้วย
คำลงท้าย:มีตลาดผักอยู่ติดกับสถานที่ที่เป็นที่ตั้งของวัดพระสิงห์และเดิมชื่อวัดเรียกว่าวัดลีเชียง (วัดลีเชียง) ซึ่งแปลว่า "วัดที่อยู่ติดกับตลาดผัก" ต่อมาทางวัด เปลี่ยนชื่อวัดเป็นพระสิงห์หลังจากที่มีพระอุโบสถ "พาซิ่ง" ออกเสียงเหมือนกับ "สิงโต" และ "ผู้กล้า" ในภาษาไทย แต่เขียนต่างกันดังนั้นคนส่วนใหญ่จะเข้าใจผิดว่า "Pashing Buddha" สำหรับ Lion Buddha นั้นไม่ถูกต้องควรหมายถึง "พระพุทธเจ้าผู้กล้าหาญ"อย่างไรก็ตาม "วัดปะซิง" ถูกเรียกกันอย่างผิด ๆ ว่า "วัดสิงโต" และยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน (ข้อความนี้ทำซ้ำในเนื้อหาไกด์ภาษาจีนของ Geyou) ครั้งนี้เมื่อฉันค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตฉันพบ Geyou "เพลิดเพลินกับชีวิต“ ไกด์ชาวจีนที่เขียนมีรายละเอียดต้นกำเนิดและภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ที่ละเอียดมากยิ่งกว่าที่ไกด์พูดเกอโย่วบอกว่าจะมีไกด์ชาวจีนคนนี้ซึ่งมาจากพระหนุ่มในวัดเพราะสงสารจีนหลี่ จิ้นผิงมอบหมายให้เขาช่วยในการแปลและการเรียงลำดับและเขาสามารถใส่ใจในรายละเอียดมากมายรวมถึงการพาดพิงถึงพระพุทธรูปพระสิงห์ที่มาของภาพวาดฝาผนังและสัญลักษณ์จักรราศีบนเศียรของพระพุทธเจ้าในหลัก hall ดังนั้นเขาขอแนะนำให้ไปที่ Geyou’s Chinese tour (บางส่วนเป็นเพราะฉันไม่ได้เข้าไปข้างในเพื่อเยี่ยมชมและถ่ายรูปส่วนตัวฉันจึงหยุดเขียน)
▲คุณจะเห็นรูปสลักมังกรที่ทางเข้าห้องโถงใหญ่ส่วนตรงกลางของลำตัวน่าสนใจมากเป็นมังกรกินมังกรอีกตัวปรากฎว่ามังกรสามารถกินอะไรก็ได้รวมทั้ง "เวลา" ซึ่งหมายความว่า ทุกสิ่งจะผ่านพ้นไปและถูกลบล้างไป
(ภาพนี้ถ่ายในช่วงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิปี 2010)
▲เป็นธูปและดอกบัวสำหรับบูชา
[หัว 12 นักษัตรจีน] หากดูใกล้ ๆ บนเศียรพระจะมีสัญลักษณ์ 12 นักษัตรแบบจีนซึ่งแตกต่างจากของเราตรงที่มีการระบุว่าช้างเป็นหนึ่งในนั้น
[อธิษฐานขอพรและแปลความหมายสำหรับผู้คน] ตอนนั้นพระสงฆ์กำลังช่วยคนอธิบายฉันคิดว่าที่นี่มักจะมีพรมากกว่านี้
[รูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งของพระภิกษุเต๋า] เสี่ยวเฉินกล่าวว่าเขาต้องไหว้พระก่อนเข้าวัดพุทธซึ่งถือได้ว่าเป็นการทักทายก่อนถ่ายรูป (ฉันลาก่อน!)
[Cangjing Pavilion] Cangjing Pavilion ส่วนใหญ่มีไว้เพื่อปกป้องหนังสือเล่มเล็ก ๆ ที่เปราะบางในเวลานั้นจุดประสงค์คือเพื่อให้พระสงฆ์สามารถเข้าถึงคำสอนหรือบันทึกตำนานพื้นบ้าน
◎วัดพระสิงห์ (วัดพระสิงห์)
- ที่อยู่: ศรีภูมิ, เมืองเชียงใหม่, เชียงใหม่, ประเทศไทย
